บทคัดย่อวิทยานิพนธ์นี้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาเปรียบเทียบลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ของไทยกับรัฐบาลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยศึกษาความแตกต่างของประวัติการได้หัวเมืองทั้งสองมาไว้ในอำนาจของไทย และศึกษาทั้งความแตกต่างในด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาและวัฒนธรรมของหัวเมืองทั้งสองด้วย งานวิจัยนี้ดำเนินให้เห็นความแตกต่างของลักษณะความสัมพันธ์ที่หัวเมืองประเทศราชทั้งสองมีต่อรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีมาจนกระทั่งถึงรัชการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นระยะเวลาที่อังกฤษได้แผ่ขยายอิทธิพลทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจเข้ามาในหัวเมืองทั้งสองมากขึ้นเป็นสำคัญ อังกฤษมุ่งขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจในหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือ แต่มุ่งแทรกแซงในทางการเมืองในหัวเมืองประเทศราชฝ่ายใต้เพื่อจุดประสงค์จะผนวกหัวประเทศราชฝ่ายใต้ของไทยเข้าเป็นส่วนของรัฐบาลมลายูของอังกฤษ พระบาทสมเด็จพรจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอาศัยความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลไทยกับหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือ ค่อยๆดำเนินการเปลี่ยนแปลงการปกครองหัวเมืองส่วนนี้ โดยเปลี่ยนฐานะจากหัวเมืองประเทศราชมาเป็นมณฑลหนึ่งของไทยใน พ.ศ. 2445 ในขณะเดียวกันพระองค์ทรงดำเนินพระราชโชบายต่อหัวเมืองประเทศฝ่ายใต้ใน 2 ลักษณะคือ ทรงดำเนินการดัดแปลงแบบแผนการปกครองแบบใหม่ให้สอดคล้องกับลักษณะความเชื่อทางศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของราษฎรในเมืองประเทศราชปัตตานี หรือ “หัวเมืองแขกทั้ง 7” โดยรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของไทยในรูปของมณฑลปัตตานีใน พ.ศ. 2449 ลักษณะหนึ่ง แต่ในหัวเมืองประเทศราชมลายูอีก 4 เมือง ได้แก่ ไทรบุรี ปลิศ กลันตัน และตรังกานูนั้นรัฐบาลไม่สามารถจะรักษาไว้ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยได้ เพราะรัฐเหล่านั้นซึ่งแตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาและวัฒนธรรมจากไทยได้ดิ้นรนอยากอยู่ใต้อารักขาของอังกฤษเช่นเดียวกับรัฐมลายูทั้งหลาย ประกอบกับอังกฤษดำเนินนโยบายบีบคั้นไทยมากยิ่งขึ้นเพื่อเข้าครอบครองหัวเมืองประเทศราชมลายูทั้ง 4 เมือง แทนที่ไทย ดังนั้นใน พ.ศ. 2452 รัฐบาลไทยยอมโอนสิทธิปกครองหัวเมืองทั้ง 4 ให้แก่อังกฤษเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกอำนาจศาลกงสุลและการกู้เงินสหพันธรัฐมลายูของอังกฤษมาใช้จ่ายในการสร้างทางรถไฟสายใต้
วิทยานิพนธ์เรื่องนี้ได้วางแนวทางการวิจัยโดยแบ่งสาระสำคัญของเรื่องออกเป็น 5 บท พร้อมด้วยบทนำ 1 บท และบทสรุปส่งท้ายอีก 1 บท ทั้งนี้อาจจำแนกเรื่องราวในแต่ละบทคือ บทที่ 1 เป็นบทนำของความเป็นมาของปัญหา จุดมุ่งหมายของการวิจัยและวิธีการวิจัยรวมทั้งข้อมูลที่ใช้ บทที่ 2 เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษเกี่ยวกับหัวเมืองประเทศราชทั้ง 2 ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น บทที่ 3 แสดงให้เห็นถึงการขยายอิทธิพลของอังกฤษ รวมทั้งพระราโชบายในการปกครองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต่อหัวเมืองประเทศราชทั้งสองฝ่าย บทที่ 4 เป็นการเปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะการปกครอง การศาล ระบบเศรษฐกิจและสภาพสังคมระหว่างหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ของไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ (รัชการที่ 1 ถึงรัชการที่ 5) บทที่ 5 กล่าวถึงการแทรกแซงของอังกฤษในหัวเมืองทั้ง 2 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งกล่าวถึงการจัดการปกครองหัวเมืองประเทศราชดังกล่าวระหว่าง พ.ศ. 2527-2445 ระยะเวลาที่รัฐบาลไทยค่อยดึงอำนาจการปกครองจากเจ้าเมืองในดินแดนทั้งสองมาสู่รัฐบาลที่กรุงเทพฯ จนสามารถนำการปกครองระบบเทศาภิบาลเข้าไปใช้ได้สำเร็จ บทที่ 6 เป็นการบรรยายถึงการจัดราชการหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือในฐานะมณฑลพายัพ การจัดปรับปรุงการปกครองมณฑลปัตตานี และการเสียหัวเมืองประเทศราชมลายู 4 รัฐ คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปลิศให้แก่อังกฤษ ตลอดจนผลสะท้อนจากภายในและภายนอกที่มีต่อการจัดราชการดังกล่าว บทที่ 7 เป็นการสรุปและวิเคราะห์ความแตกต่างของลักษณะความสัมพันธ์ที่หัวเมืองประเทศราชทั้งสองมีต่อรัฐบาลไทยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งการแทรกแซงในลักษณะที่ต่างกันของอังกฤษในดินแดนทั้งสอง อันนำมาซึ่งพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อหัวเมืองประเทศราชฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ในลักษณะดังกล่าว